ดาวโจนส์คืออะไร ทำไมควรเทรดดัชนีดาวโจนส์
ดัชนีที่นักลุงทุนนิยมดูสภาพโดยรวมของตลาด คือ ดัชนีดาวโจนส์ หรือ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ภาษาอังกฤษคือ The Dow Jones Industrial Averag e หรือชื่อย่อว่า (DJIA) หรือ ดาวโจนส์ index โดยในบทความนี้ผมจะเรียกให้เข้าใจง่ายว่าหุ้นดาวโจนส์ แล้วหุ้นดาวโจนส์มีประโยชน์อย่างไร ทำไมนักลุงทุนส่วนใหญ่ถึงเลือกเทรดหุ้นดาวโจนส์
ดาวโจนส์ คืออะไร
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJIA) หรือที่เรียกว่าดัชนีดาวโจนส์ เป็นดัชนีตลาดหุ้นที่ติดตามบริษัทยักษ์ใหญ่ 30 แห่งที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป ตัวอย่างเช่น Apple, Cocacola และอื่นๆที่ซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) และแนสแด็ก โดยหุ้นดาวโจนส์ได้รับการตั้งชื่อตาม Charles Dow ผู้สร้างดัชนีในปี 1896 พร้อมกับ Edward Jones หุ้นส่วนทางธุรกิจของเขาซึ่งทั้งสองคนนี้ยังเป็นผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ Wall street jounal อีกด้วย
ประวัติของ "ดัชนีดาวโจนส์"
วิธีการคำนวณ ดาวโจนส์
Dow Jones Index คำนวณโดยหุ้นที่มีราคาสูงจะถ่วงน้ำหนักมากกว่าดัชนี เพราะฉะนั้นถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงของเปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่าในหุ้นที่มีราคาสูงจะทำให้มีผลกระทบมากกว่าในการคำนวณ ในช่วงเริ่มแรกของการคำนวณค่าเฉลี่ย คำนวณโดยการใส่ราคาหุ้นทั้งสิบสองตัวในดาวโจนส์แล้วหารด้วย 12 ซึ่งจะออกมาเป็นผลลัพธ์ค่าเฉลี่ยอย่างง่าย
ในเวลาต่อมามีการเปลี่ยนวิธีคำนวณดาวโจนท์โดยมีวิธีคิดจากค่าเฉลี่ยของราคาหุ้นซึ่งจะแตกต่างจาก S&P 500 และ Nasdaq ที่คิดจากการถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าตลาด หุ้นดาวโจนส์คำนวณโดยรวมราคาหุ้นทุกตัวในดัชนีแล้วหารด้วยตัวเลขที่เรียกว่า Divisor กันยายน 2020 = 0.152 ตามสูตรด้านล่าง
Divisor เป็นตัวเลขที่มีการปรับสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของหุ้น วิธีนี้จะทำให้ราคาหุ้นมีน้ำหนักต่อดัชนีมากกว่ามูลค่าตลาด ยกตัวอย่างเช่น หุ้น appleราคา 120 เหรียญ ราคาหุ้นน้อยกว่าราคาหุ้น walmart ที่มีราคา 140 เหรียญ แต่ walmart กลับมีน้ำหนักต่อดัชนีมากกว่า ทั้งๆที่หุ้น apple มีมูลค่าตลาด 2.1 ล้านล้านเหรียญมากกว่า walmart เกือบ 5 เท่า
หุ้นดาวโจนส์ประกอบด้วยอะไรบ้าง
วิเคราะห์พื้นฐานดาวโจนส์
สภาพแวดล้อมมหภาคในปัจจุบันไม่เหมาะสำหรับตลาดขาขึ้นระยะยาวในหุ้นและพันธบัตรในรายงานล่าสุดเกี่ยวกับแนวโน้มช่วงกลางปี 2022 เตือนว่าตลาดตราสารทุนอาจประสบกับภาวะถดถอยมากขึ้น โดยเน้นย้ำถึงความพยายามในปัจจุบันของธนาคารกลางสหรัฐในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อผ่านการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยท่ามกลางสภาพแวดล้อมมหภาคที่ย่ำแย่ ซึ่งเป็นเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังแนวโน้มนี้
ตามรายงานตลาดหุ้นจะต้องลดลงหากอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมโดยเฟดส์ทำให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ในทำนองเดียวกัน หากทางการล้มเหลวในการจัดการกับภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งในเดือนก.ค.เป็นอัตราสูงสุดในรอบ 40 ปี ราคาพันธบัตรจะยังคงลดลง
ภาวะเศรษฐกิจถดถอยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นพร้อมกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมความกลัวต่อภาวะถดถอยที่กำลังจะเกิดขึ้นยังคงมีอยู่มากมาย โดยผู้เชี่ยวชาญได้เตือนเกี่ยวกับเรื่องนี้ในขณะที่ชาวอเมริกันเตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เฟดหวังว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะลงจอดอย่างนุ่มนวล อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้น 75 คะแนนพื้นฐาน (bps) ติดต่อกันในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคมลดความเป็นไปได้นี้
ดังนั้นจึงถือเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุน CFD เพราะสามารถเล่นได้ทั้งตลาดขาขึ้นและตลาดขาลงเพียงแค่คุณเลือกให้ตรงกับการวิ่งขึ้นวิ่งลงของตลาดไม่ว่าสถาณการณ์ปัจจุบันจะเป็นอย่างไร คุณก็สามารถทำกำไรในตลาดได้
การเทรดดาวโจนส์เบื้องต้น
หุ้นดาวโจนส์ (DJIA) เป็นหนึ่งในดัชนีตลาดหุ้นที่นักลงทุนติดตามอย่างใกล้ชิดที่สุด แม้ว่า ดาวโจนส์จะเป็นที่ทราบกันทั่วไปว่ามีผู้คนนับล้านจับตาอยู่ทุกวัน แต่ผู้ที่จับตาดูจำนวนมากไม่เข้าใจว่า down jone นั้นสะท้อนอะไรได้บ้างหรือบอกสภาวะของตลาดอย่างไร และพวกเขาไม่เข้าใจวิธีใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่ให้ไว้
การเทรดดัชนีดาวโจนส์ เดิมที่จะเริ่มเทรดผ่านตราสารฟิวเจอร์ส (Futrue) แต่เนื่องจากตราสารนั้นใช้เงินลุงทุนในการเริ่มต้นเทรดสูงมาก ผู้เล่นที่เริ่มต้นเทรดจึงเข้าถึงได้ยากและบางรายยังไม่สามารถรับความเสี่ยงสูงได้ ดังนั้นเทรดเดอร์จึงหันมาเริ่มเทรดกับโบรกเกอร์ที่ให้บริการเทรดดาวโจนส์ผ่านตราสารที่เรียกว่า CFD แทนเพราะสามารถเริ่มด้วยทุนที่น้อยกว่ามาก ดาวโจนส์ index ที่เทรดผ่านตราสาร CFD จะสามารถใช้ Leverage หรือ 'อัตราทด' ซึ่งทำให้เทรดเดอร์ลงทุนได้มากกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่จริงๆ ได้ตั้งแต่ 10 - 100 เท่า และทั้งหมดนี้สามารถเทรดผ่านแพลตฟอร์มการเทรดมาตรฐาน CM Trade ได้
ทำไมควรเทรดดัชนีดาวโจนส์
ในการเทรดหุ้นดาวโจนส์ เช่น DJIA ทำให้เทรดเดอร์สามารถลดความเสี่ยงได้มากกว่าการลงทุนในตราสารอื่นๆ เพราะมันคือการพิจารณาและคาดการณ์ดัชนีทั้งหมด ซึ่งเป็นการรวบรวมหลากหลายธุรกิจ องค์กร และอื่นๆ อีกมากมาย
ตัวอย่างเช่น ดัชนีดาวโจนส์ ประกอบด้วยหุ้นของบริษัทมหาชน (หรือที่เรียกว่า บริษัทบลูชิพ) จำนวน 30 บริษัท ที่มีการซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange หรือ NYSE)
สรุป
ในปัจจุบัน แต่ละบริษัทต่างก็ประสบกับมูลค่าราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นและลดลงแตกต่างกันไป แต่มันเป็นไปได้น้อยมากที่หุ้นดาวโจนส์ที่รวมบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้ง 30 บริษัทจะประสบกับความผันผวนของราคาแบบเดียวกันทั้งหมด เนื่องจากบริษัทต่างๆ ก็อยู่ในอุตสาหกรรมที่ต่างกันออกไป นี่จึงเป็นวิธีที่ทำให้เทรดเดอร์สามารถป้องกันการขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงของราคาในตลาดอย่างรวดเร็ว
ข้อมูลข้างต้นจัดทำโดยนักวิเคราะห์พิเศษและใช้สำหรับอ้างอิงเท่านั้น CM Trade ไม่รับประกันความถูกต้อง ทันเวลา และความสมบูรณ์ของเนื้อหาข้อมูล ดังนั้นคุณไม่ควรพึ่งพาข้อมูลที่ให้ไว้มากเกินไป CM Trade ไม่ใช่บริษัทที่ให้คำแนะนำทางการเงิน และให้บริการเฉพาะลักษณะการดำเนินการตามคำสั่งเท่านั้น ผู้อ่านควรขอคำแนะนำในการลงทุนที่เกี่ยวข้องด้วยตนเอง โปรดดูข้อจำกัดความรับผิดชอบทั้งหมดของเรา
CM Trade
แพลตฟอร์มการซื้อขายทางการเงินชั้นนำของโลก ที่ให้บริการซื้อขายครบวงจรแบบครบวงจร ให้โอกาสนักลงทุนที่มีศักยภาพในการซื้อขายมากขึ้น
[ผลิตภัณฑ์]
แพลตฟอร์มนี้ให้บริการซื้อขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินกระแสหลักทั่วโลกมากกว่า 32 รายการ เช่น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า น้ำมันดิบ ดัชนีหุ้น และสกุลเงินดิจิทัล
[ระบบ]
การดำเนินการนั้นเรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ และทั้งสองระบบการซื้อขายชั้นนำ CM Trade MT4 / CM Trade App นั้นได้รับการคุ้มกันสองครั้ง
[ให้บริการ]
ฮอตสปอตของตลาดที่ครอบคลุม การวิเคราะห์ตลาดแบบมืออาชีพยังคงถูกส่งต่อไป และผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้าพิเศษเฉพาะบริการออนไลน์ 7x24 ชั่วโมง
[ความได้เปรียบ]
ต้นทุนต่ำ เลเวอเรจสูง การซื้อขายสองทางแบบครบวงจรตลอดทั้งวัน ยืดหยุ่นและยืดหยุ่น
[อำนาจ]
มีคุณวุฒิทางการจำนวนหนึ่งในอุตสาหกรรมและอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวดโดยสถาบันที่มีอำนาจ เงินของลูกค้าถูกฝากโดยธนาคารอย่างอิสระ การฝากและถอนเงินนั้นปลอดภัยและรวดเร็ว และสภาพแวดล้อมในการทำธุรกรรมนั้นยุติธรรม มีประสิทธิภาพและโปร่งใส
CM Trade แอปพลิเคชันมือถือ
ปฏิทินเศรษฐกิจ
มากกว่าได้รับความนิยมสูงสุด